ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล กำลังจะทำลายสถิติการซื้อนักเตะที่แพงที่สุดของสโมสร

ปัจจุบัน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ถือครองตำแหน่งนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรอยู่ แต่อีกไม่ช้าเขาจะเสียตำแหน่งดังกล่าวให้กับ ดาร์วิน นูเญซ ที่ส่อเค้าย้ายจาก เบนฟิก้า มาค้าแข้งกับถิ่น แอนฟิลด์ ค่อนข้างแน่จากการประโคมข่าวของสื่อสำนักต่างๆ

อย่างไรก็ดี ไม่จำเป็นเสมอไปที่นักเตะค่าตัวแพงที่สุดของแต่ละสโมสรจะสร้างผลงานตอบแทนต้นสังกัดได้อย่างคุ้มค่า

แต่สำหรับปราการหลังทีมชาติ ฮอลแลนด์ เขาย้ายมาลบจุดบกพร่องในเกมรับของ ลิเวอร์พูล ได้อย่างยอดเยี่ยม และพาทีมคว้าแชมป์รายการต่างๆได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ไม่เพียงแต่ ฟาน ไดค์ เท่านั้น นูเญซ ก็เป็นสตาร์ค่าตัวแพงที่สุดของทีมดังแห่งลีกฝอยทองอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน

และนี่คือ 6 นักเตะค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรที่โชว์ฟอร์มได้อย่างคุ้มค่าเงินทุกปอนด์ที่ต้นสังกัดจ่ายออกไป

1.เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล)

ปี 2018 ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรทำลายสถิติเดิมของ โม ซาลาห์ คว้า ฟาน ไดค์ มาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ในราคา 75 ล้านปอนด์ หรือราว 3,276 ล้านบาท

หลังได้ตัวดาวเตะดัตช์มาร่วมทัพ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คว้า อลิสซง ตามมาติดๆในตลาดรอบหน้าเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ทำให้เกมรับของ หงส์แดง ลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ดังจะเห็นว่านับตั้งแต่มี ฟาน ไดค์ บัญชาเกมในแนวรับ ลิเวอร์พูล ก็กลายเป็นทีมที่มีแผงหลังอย่างหนาผิดไปจากเดิมอย่างลิบลับ

นอกจากจะไม่เสียประตูอย่างน่าขันบ่อยครั้งเหมือนก่อนอีกต่อไปแล้ว ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ยังได้ชื่อว่ามีเกมรับที่ยากแก่การเอาชนะอีกด้วย และที่สำคัญ แอนฟิลด์ กลับมาเป็นสมรภูมิที่สร้างความหวาดผวาให้กับผู้มาเยือนดังเดิมหลังจากสังเวียนแข้งแห่งนี้ไร้ซึ่งมนต์ขลังไปนานพอดู

ต่อความปราชัยในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก หลังจากที่ได้ ฟาน ไดค์ มาเสริมทัพไม่นาน ลิเวอร์พูล ก็แก้ตัวได้ทันที

ในปีต่อมาเมื่อได้ อลิสซง มาเฝ้าเสา และถึงขณะนี้ ไม่ว่า หงส์แดง จะส่งโฌแอล มาติ๊ป หรือว่า อิบราฮิม่า โกนาเต้ ลงบู๊เป็นคู่ขาของ ฟาน ไดค์ พวกเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่มีเกมรับแข็งโป๊กอยู่ดี

2. โรเมลู ลูกากู (อินเตอร์ มิลาน)

หลังสร้างผลงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างย่ำแย่ ลูกากู ก็ย้ายจาก พรีเมียร์ลีก ไปแจ้งเกิดใน เซเรียอา ก่อนกลับสู่เมืองผู้ดีอีกรอบเมื่อปีก่อน

มันอาจเป็นความผิดพลาดของทั้งตัวเขาเอง และ เชลซี ที่ทุ่มเงินเป็นสถิติดึงเขากลับสู่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นคำรบสองเนื่องจากผลงานของดาวยิงทีมชาติ เบลเยี่ยม กับทีมดังแห่งมหานครลอนดอนไม่เป็นไปอย่างที่ถูกคาดหมาย

ถึงกระนั้น เมื่อมองย้อนกลับไปในลีกเมืองพิซซ่า ลูกากู ระเบิดศักยภาพกับทีม งูใหญ่ ได้อย่างน่าทึ่งในฐานะนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพการค้าแข้งของเขา

ในซีซั่นแรกที่ ซาน ซีโร่ กองหน้าผิวสีกระทุ้งประตูได้ 34 ลูกในทุกรายการ และได้อันดับรองแชมป์ลีกอย่างน่าเสียดายโดยมีแต้มน้อยกว่า ยูเวนตุส แค่แต้มเดียวแม้จะแพ้น้อยกว่า ยิงประตูได้มากกว่า และเสียประตูน้อยกว่าทีม ม้าลาย

เท่านั้นไม่พอ ลูกากู ยังพังประตูในศึก ยูโรปาลีก ได้ทุกนัดอีกด้วยหลังจาก อินเตอร์ หล่นมาจากถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ในฐานะทีมอันดับสามของกลุ่ม แต่สุดท้ายยักษ์ใหญ่จากอิตาลีก็แพ้ เซบีย่า เจ้าพ่อถ้วย ยูโรปาลีก ในนัดชิงชนะเลิศ

จะอย่างไรก็ช่าง ลูกากู ยังระเบิดฟอร์มเก่งได้ต่อในซีซั่น 2020/21 ซึ่งเขาพา งูใหญ่ คว้าแชมป์ เซเรียอา ได้เป็นครั้งแรกในรอบเกินกว่าทศวรรษโดยมีแต้มทิ้งห่าง เอซี มิลาน คู่ปรับร่วมเมืองที่ได้อันดับสองไกลลิบถึง 12 แต้ม

ภายใต้การกุมบังเหียนของ อันโตนิโอ คอนเต้ ลูกากู สอยตาข่ายในลีกได้อย่างถล่มทลาย 24 ประตู และ 11 แอสซิสต์ ก่อนตัดสินใจหวนคืนสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังจาก คอนเต้ อำลา งูใหญ่

ต่อผลงานดังกล่าว จึงเป็นที่คาดกันว่า ลูกากู จะประสบความสำเร็จใน พรีเมียร์ลีก แต่ทุกอย่างพลิกผันไปหมด กระทั่งก่อให้เกิดข่าวลือว่าเขากระหายกลับไปกู้ศักดิ์ศรีที่ ซาน ซีโร่ อีกรอบ

3.อุสมาน เด็มเบเล่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)

ถือเป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยมของ ดอร์ทมุนด์ ซึ่งคว้าตัวหัวหอกที่ลงเล่นให้ แรนส์ แค่ 29 นัดมาร่วมสังกัดด้วยเล็งเห็นว่าเขามีเท้าที่ฉกาจฉกรรจ์ทั้งสองข้าง และมีความเด็ดขาดบริเวณหน้าปากประตู

อย่างไรก็ดี หลังจ่ายเงินไป 31.5 ล้านปอนด์ เด็มเบเล่ ลงเล่นให้ เสือเหลือง แค่ซีซั่นเดียวเท่านั้น และถูก บาร์เซโลน่า กระชากตัวไปร่วมก๊วนในราคามหาศาล 126 ล้านปอนด์

เด็มเบเล่ ฝากผลงานในลีก บุนเดสลีกา ด้วยการยิงได้ 6 ประตู และ 13 แอสซิสต์พาทีมคว้าอันดับสามโดยเจ้าตัวซัดได้อีก 2 เม็ด และ 6 แอสซิสต์ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก รวมทุกรายการมีส่วนกับการได้ประตูของทีม 31 ลูก

แม้จะมีอายุน้อยนิดแค่ 20 ปี แต่ บาร์ซ่า กล้าเสี่ยงถึงขนาดทุ่มเงินเกินกว่า 100 ล้านปอนด์ดึงปีกเฟรนช์แมนไปร่วมสังกัด

แต่เป็นเพราะอาการบาดเจ็บ เด็มเบเล่ จึงลงเล่นให้กับถิ่น คัมป์นู แค่ 23 นัดเท่านั้นในซีซั่นแรก และลงสนามมากขึ้นในซีซั่นที่สอง แต่ก็ไม่วายถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานอีกจนไปได้ไม่สุดกับทีมดังแห่งกาตาลัน

กระทั่งปัจจุบัน เด็มเบเล่ หมดสัญญากับทีมลูกหนังของลีกกระทิงดุแล้ว และยังไม่ชัดเจนว่าเขาจะต่อสัญญาใหม่ หรือย้ายไปค้าแข้งกับ เชลซี แต่ที่แน่ๆ ดอร์ทมุนด์ คือผู้ชนะตัวจริงเสียงจริง

ดาร์วิน นูเญซ

4.ดาร์วิน นูเญซ (เบนฟิก้า)

กลายเป็นกองหน้าที่ถูกหมายปองมากที่สุดในยุคนี้ไปแล้ว และน่าจะได้ย้ายสังกัดอีกรอบอย่างแน่นอนในซัมเมอร์นี้สำหรับหัวหอกทีมชาติ อุรุกวัย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นูเญซ เป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของ เบนฟิก้า หลังย้ายมาจาก อัลเมเรีย ในปี 2020 ทุบสถิติเดิมของ ราอูล ฮิมิเนซ ศูนย์หน้า เม็กซิกัน ที่ย้ายมาจาก แอตเลติโก มาดริด เมื่อปี 2015

หลังลงน้ำหมึกกับ เหยี่ยวลิสบอน ฉลองวันเกิดอายุ 21 ปีได้ที่ผ่านมาได้สองเดือน อดีตดาวรุ่งทีม เปนญารอล สโมสรในบ้านเกิดก็ประเดิมซีซั่นแรกในลีกฝอยทองได้อย่างยอดเยี่ยม

จากการยิงได้ 13 ประตู และ 12 แอสซิสต์ในทุกรายการโดยเขาได้ลงเล่นเป็นเวลา 96 นาทีในเกม ยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมจากสองนัดที่ เบนฟิก้า พ่ายต่อ อาร์เซน่อล ด้วย

กระทั่งซีซั่น 2021/22 ดาวเตะละตินก็ประกาศศักดาได้อย่างเต็มตัวจนกลายมาเป็นพ่อค้าแข้งเนื้อหอมจากผลงานตะบันได้ 26 ประตูจาก 28 เกมในลีก รวมทั้งสิ้นในทุกรายการ 34 ประตูจาก 41 เกมรวมถึงการสอยตาข่ายที่ แอนฟิลด์ ในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วย

และเป็นเพราะว่า ซาดิโอ มาเน่ ส่อแววย้ายสโมสร ลิเวอร์พูล จึงตัดสินใจเดินเกมซิว นูเญซ มาเสียบแทนแม้เขาจะได้รับความสนใจจากทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิ่ล อีกสองทีมใน พรีเมียร์ลีก ก็ตาม

ฉะนั้นแล้ว จึงถือได้ว่า เบนฟิก้า ควักกระเป๋าได้อย่างคุ้มค่าหลังจากฉุด นูเญซ มาจากสโมสรใน ลา ลีกา ด้วยเม็ดเงิน 21.6 ล้านปอนด์ซึ่งกำลังจะทำให้พวกเขาได้กำไรถึงสามเท่าตัว

5.อ็อดซอนน์ เอดูอาร์ (เซลติก)

เอดูอาร์ ประสบความสำเร็จได้แชมป์ลีกสี่สมัย ,แชมป์ สก็อตติชคัพ สามสมัย และแชมป์ ลีกคัพ สามสมัยหลังย้ายจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

มาค้าแข้งกับ เซลติก เป็นตัวแทนของ คริส ซัตตัน ด้วยค่าตัว 9.27 ล้านปอนด์แพงที่สุดเท่าที่ทีม ม้าลายเขียวขาว เคยจ่ายเงินซื้อนักเตะ

สมัยอยู่ในสังกัดของ เปแอสเช ดาวเตะเลือดน้ำหอมไม่ได้ลงสนามเลยแม้แต่เกมเดียว ก่อนย้ายไปร่วมทีม ตูลูส แบบยืมตัวซึ่งเขายิงได้ 1 ประตูจากการลงสนาม 17 นัด

จากนั้นพอถึงวัย 20 ปี เอดูอาร์ ก็ถูก เซลติก ยืมมาใช้งานในซีซั่น 2017/18 และเขามีผลงานที่น่าประทับใจจนทำให้ได้อย่างสังกัดอย่างถาวรในซีซั่นต่อมา

ในฐานะนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของสโมสร เอดูอาร์ ไม่ทำให้ เซลติก ผิดหวังจากการยิงประตูได้ 22,28 และ 22 ตลอดสามซีซั่นกับถิ่น เซลติก พาร์ค แม้ทีมยักษ์ของลีกวิสกี้จะไปได้ไม่สวยในเกมระดับทวีปเนื่องจากไม่ชนะฟุตบอลยุโรปรอบน็อคเอาท์เลยตลอด 18 ปีหลัง

จนในที่สุด ดาวเตะชาวฝรั่งเศสก็ย้ายไปค้าแข้งกับ คริสตัล พาเลซ ในปี 2021 ภายใต้ค่าตัว 15 ล้านปอนด์ (ราว 655 ล้านบาท) หลังซัลโวให้ เซลติก ได้รวมทั้งสิ้น 86 ประตู แม้จะเหลือสัญญากับทีมอีกเก้าเดือน

ถึงขณะนี้ กองหน้าวัย 24 ปีอาจยังสร้างชื่อกับ ดิ อีเกิ้ล ได้ไม่เต็มที่ก็จริงแม้จะเปิดตัวได้อย่างเลิศหรูในเกมประเดิมสนามนัดเปิดบ้านถล่ม สเปอร์ส 3-0

ซึ่งเขาลงเล่นเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 84 แทนที่ คริสติยอง เบนเตเก้ และกระทุ้งคนเดียวสองเม็ดหลัง แต่เขาคงเสียใจหากไม่เลือกย้ายมาลิ้มลองความท้าทายที่ยากลำบากมากขึ้น

6. ดิมิทรี ปาเยต์ (มาร์กเซย์)

แม้จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงกับ เวสต์แฮม แต่ ปาเยต์ เลือกย้ายกลับ มาร์กเซย์ อีกหนด้วยค่าตัว 26.37 ล้านปอนด์ (ราว 1,152 ล้านบาท)

ก่อนหน้านี้ กองกลางเฟรนช์แมนมีผลงานที่ดีกับ โอแอ็ม ในซีซั่น 2014/15 และย้ายมาสร้างชื่อได้ต่อใน พรีเมียร์ลีก จากการมีส่วนทำให้ทีมได้ประตู 27 ลูกจาก 38 นัดจนกลายเป็นนักเตะคนโปรดของสาวก เดอะ แฮมเมอร์ส ซึ่งต่างพากันตะโกนร้องว่าเขาเหนือกว่า เมซุต โอซิล ซะอีก

หลังมีผลงานที่ดีในซีซั่นสุดท้ายที่สนาม อัพตัน พาร์ค ขุนค้อน ก็กระเสือกกระสนในซีซั่นแรกที่ย้ายมาขึ้นบ้านใหม่ที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม อันทำให้ ปาเยต์ อยากย้ายทีมโดยกุนซือ สลาเวน บิลิช จำเป็นต้องก้มหน้ายอมรับ

พลันที่หวนกลับมารับใช้สังเวียนแข้ง สต๊าด เวโลโดรม ปาเยต์ ก็ฉายฟอร์มเด่นได้ทันที และในซีซั่นต่อมาเขาพา โอแอ็ม หลุดเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศถ้วย ยูโรปาลีก อีกด้วยจากการตะบันได้ 10 ประตูในรายการนี้

ปัจจุบันในวัย 35 ปี ปาเยต์ ยังสอยตาข่ายได้ 16 เม็ดเมื่อซีซั่นก่อนพา มาร์กเซย์ คว้าอันดับรองแชมป์ลีกเมืองน้ำหอม และยังเหลือสัญญาอีกสองปีซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าเขาจะยังยืนระยะเป็นหนึ่งในเพลย์เมคเกอร์ชั้นยอดของ ลีกเอิง ได้ต่อไปอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ domainedesdeuxarcs.com

ufa slot

Releated